วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

# จมูกของหนูแฮมเตอร์

รู้หรือเปล่าว่าจมูกของแฮมสเตอร์ ดีมากๆ เช่นกัน พวกเค้าแยกแยะกันเองว่าใครเป็นใครก็จากกลิ่นนี่แหละ พวกเค้าสามารถผลิตกลิ่นเฉพาะตัวออกมา จากต่อมที่เรียกว่า Scent Grand เพื่อใช้ในการบอกว่าใครเป็นใคร และใช้กำหนดอาณาเขตส่วนตัวอีกด้วย ถึงขนาดว่าสามารถแยกแยะเพศจากกลิ่นได้เลยทีเดียว และก็เพราะตาเค้าไม่ค่อยดี เค้าจึงแยกแยะกันด้วยกลิ่น ด้วยเหตุนี้ หากเพื่อนๆ เล่นหรือจับเค้าบ่อย เค้าก็จะจำได้ว่าเราเป็นเจ้าของ แต่มีข้อควรระวังนิดนึงคือ หากเพื่อนๆต้องการจะเล่นกับเค้า ควรจะล้างมือให้สะอาด หมดกลิ่นก่อนเล่นกับเค้าทุกครั้งค่ะ เช่นหากมือเรามีกลิ่นอาหาร เค้าก็จะไม่รู้ นึกว่าเป็นของกิน ก็อาจจะกัดเราโดยไม่ได้ตั้งใจได้ หรืออีกกรณีก็คือ หากเราไปเล่นกับแฮมสเตอร์ตัวอื่นมา กลิ่นของแฮมสเตอร์ตัวก่อนหน้านี้ ก็อาจจะติดมือเรามา และกลบกลิ่นมือเดิมของเรา ทำให้เค้าแยกแยะไม่ออก และกัดได้เหมือนกันค่ะ










# หูของหนูแฮมเตอร์

รู้หรือเปล่าว่าหูของแฮมสเตอร์ ดีมากๆ ผิดกับตาเลย เค้าจะสามารถได้ยินเสียงได้กว้างมาก รวมทั้งเสียงที่มีความถี่ระดับ อุลตราโซนิคเลยทีเดียว ทำให้เค้าสามารถจะสื่อสารกันได้ โดยที่สัตว์อื่นไม่ได้ยินเลย ซึ่งมีประโยชน์มากเวลาที่มีศัตรูมา ตามธรรมชาติ




# ตาของหนูแฮมเตอร์

รู้หรือเปล่าว่าตาของแฮมสเตอร์ มองเห็นได้ไม่ค่อยดี เพราะสรีระของตาที่กลมโตและโปนออกมา ทำให้เค้าไม่สามารถจะมองเห็นได้ดีค่ะ จะมองเห็นได้ดีเฉพาะด้านข้าง และไกลๆ โดยจะสามารถมองเห็นได้ในองศาที่กว้างกว่าตาคน แต่ไม่เห็นในระยะใกล้มาก ตรงข้างหน้า ทั้งนี้ก็เพราะตามธรรมชาติเค้าจะต้องระวังศัตรู ผู้ล่าต่างๆค่ะ




# จะรู้ได้อย่างไรว่าหนูแฮมเตอร์ตัวไหนตัวผู้ ตัวไหนตัวเมีย

 ถ้าหนูที่เราซื้อยังเป็นเล็กอยู่ จะดูค่อนข้างยากค่ะ ถ้าเป็นตัวเมียจะมีระยะห่างระหว่างรู 2 รู คือ รูปัสสาวะและก้น ชิดกันมากกว่าตัวผู้ แต่ถ้าโตแล้วจะดูง่ายหน่อย ซึ่ง 2 ภาพด้านล่างคือภาพของหนูที่โตแล้วค่ะ จะเห็นว่าในหนูตัวผู้จะมีถุงอัณฑะห้อยลงมาอย่างชัดเจน


# อย่าใส่กล่องกระดาษกลับบ้าน ถ้าต้องเดินทางนานๆ

 เวลาที่เราซื้อแล้ว ร้านขายสัตว์เลี้ยงอาจจะเอาแฮมสเตอร์ใส่กระกระดาษให้เรานำกลับบ้าน แต่ถ้าเราต้องใช้เวลาเดินทางนาน แฮมสเตอร์อาจจะกัดแทะทะลุกล่องออกมา และหลบหนีหายไปได้ เราควรจะขอผู้ขายให้เปลี่ยนจากกล่องกระดาษมาใส่ในภาชนะพลาสติกแทน เช่นตอนที่เราซื้อ ผู้ขายก็เอาแฮมสเตอร์ใส่ขวดน้ำพลาสติกที่ตัดครึ่งขวด โดยไม่มีฝาปิด ใส่แฮมสเตอร์ให้พร้อมทั้งปูขี้เลื่อยที่ก้นขวดให้ด้วย



# เลือกแฮมสเตอร์ที่ไม่กัด

ซึ่งเวลาที่เราไปเลือกซื้อหนูแฮมสเตอร์ให้ลองเอานิ้วแหย่ลงไปค่ะ เค้ามักจะวิ่งมาหามือเราเพราะคิดว่ามีอาหาร บางตัวก็จะไต่ขึ้นมา ให้เราดูว่าตัวที่วิ่งมาหา บางตัวจะกัด บางตัวจะขออาหารเฉยๆ ถ้าตัวไหนจะกัดมือก็อย่าซื้อตัวนั้น ให้เลือกตัวที่ไม่กัดค่ะ




# เลี้ยงหนูแฮมเตอร์หลายตัวได้หรือไม่

อาจจะเลี้ยงแฮมสเตอร์มากกว่า 1 ตัวในกรงได้แต่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของ Hamster ด้วย ถ้าเป็น Dzungarian Dwarf hamsters หรือ short dwarf hamsters และ Russian hamsters แล้วล่ะก็เค้าเป็นสัตง์สังคมพอสมควรเลยค่ะ สามารถจะเลี้ยงไว้ด้วยกันได้ ซึ่งเราอาจจะเลี้ยง 1-2 ชนิดนี้ไว้ด้วยกันก็ยังได้ แต่ทางที่ดีควรจะเริ่มเลี้ยงเค้าไว้ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆ , ซึ่งแฮมสเตอร์อื่นๆทุกชนิดควรจะแยกกันเลี้ยง เพราะเค้าจะหวงเขตแดนของเค้ามากค่ะ

#บางคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมเจ้าแฮมสเตอร์ที่เราเลี้ยงนั้น จู่ๆก็กัดกันเอง

 ถ้าจะเลี้ยง ควรจะเลี้ยงเป็นคู่ดีกว่านะ (เลี้ยงผู้ เมียคู่กันจะดีกว่า) เพราะอยู่กันหลายๆตัว บางคนอาจจะคิดว่า...
"
อุ๊ย ให้มันอยู่กันเยอะๆแหละ เพื่อนเยอะดี ^^"...เพื่อนเยอะก็ดี แต่ถ้าเขาอยู่กันเยอะๆ จนมีพื้นที่คับแคบ ต้องมีฉากบู๊กันมั่งล่ะ  - -"

 เมื่อโตพอได้ที่ (วัยที่น่าเกรงกลัวว่ามันจะกัดกัน) เขาจะปล่อยกลิ่นประจำตัวของเขาออกมา เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขากัดกัน

 และข้อนี้ก็สำคัญ เมื่อเขาร้อน มีอารมณ์หงุดหงิด หรือตั้งท้องเขาจะกัดไม่เลือกหน้าเลย แม้แต่เจ้าของ (อ้าว ?)

 นี่สำคัญเหมือนกัน สมมุติว่าคุณมีเจ้าแฮมสเตอร์เพียงตัวเดียว (สมมุติว่าคุณซื้อตัวนี้จากร้าน "พิซซ่าฮัค 1150" ) แล้วซื้ออีกตัวทีหลัง (สมมุติว่าชื่อร้าน "K F C") แล้วนำมาอยู่ด้วยกัน อาจทำให้มีเปอร์เซ็นต์เสี่ยงต่อการที่เขาจะกัดกัน ดังนั้น จะซื้อเป็นคู่ ควรจะซื้อมาจากที่เดียวกันจะดีกว่านะ


 หนูตัวใหญ่ มักจะชอบรังแกเด็ก เพราะตัวที่โตแล้ว เขาจะชอบแบ่งอาณาเขตเป็นของตัวเอง ถ้ามีตัวเล็ก ก็หาที่มีกำบังให้เขาหลบหน่อยก็ดี


 ทำไมเอ็งกัดข้าฟระ !?!? ก็เพราะตอนนั้นเขาอาจมีอารมณ์บ่จอย หรือมือคุณนั้นไปจับอะไรมาก่อน เช่น อาหาร (อาจทำให้เขาเข้าใจผิด นึกว่าของกิน) หนูตัวอื่น (นี่ก็อีกสาเหตุ)


#อยากรู้ว่าหนูแฮมเตอร์ชอบกินอะไร

 ขนมห่อ & ขนมทั่วๆไปสำหรับผู้เลี้ยงบางท่านแล้วกินขนมและก็นำขนมนั้นๆให้หนูแฮมสเตอร์กินซึ่งผลที่ตามมานั้นอาจจะำทำให้หนูแฮมสเตอร์นั้นท้องเสีย
ได้เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า อาหารจำพวกนี้มีสารปรุงแต่งรสชาติ สี สารกันบูด และสารอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อหนูแฮมสเตอร์ ไม่มากก็น้อย ซึ่ง สารบางตัวจะเข้าไปสะสมอยู่ในตัวหนูแฮมสเตอร์ แต่สำหรับบางตัวที่ร่างกายทนไม่ใหวก็อาจจะเป็นโรคท้องเสีย บางตัวอาการหนักจนอาจจะเสียชีวิตได้


 ผัก & ผลไม้ ค้างเก็บสำหรับผลไม้ หรือผักบางอย่าง ผู้ให้นั้นสามารถให้ได้ครับแต่ สำหรับผักบางชนิดที่หนูแฮมสเตอร์กินแล้วไม่หมดผู้เลี้ยงควรที่จะ
เก็บออกทิ้งและไม่ควรให้อาหารจำพวกผักหรือผลไม้บ่อยๆเพราะว่าอาจจะทำให้หนูนั้นท้องเสียได้ซึ่งถ้าให้แนะนำแล้วผักที่ให้กินได้บ่อยๆ สำหรับผมก็จะเป็น บวบเหลี่ยม แครอทเนื่องจาก 2 ชนิดนี้ถ้าหนูแฮมสเตอร์นั้นกินไม่หมด ก็จะแห้งไปเอและก่อนที่จะให้อาหารจำพวกนี้ควรที่จะล้างให้สะอาดก่อน


ข้อแนะนำทางที่ดีแล้วผู้เลี้ยงควรให้อาหารที่เป็นอาหารของหนูแฮมสเตอร์จะดีที่สุดซึ่งในธรรมชาติแล้ว หนูทั้วๆไปกินแต่อาหารจำพวก ธัญพืชชนิดต่างๆ หรือจะเป็นพวกผัก ผลไม้ ชนิดต่างๆตามธรรมชาติ ซึ่งการให้อาหารที่เป็นอาหารหลักปกติ ของหนูแฮมสเตอร์นั้น ช่วยให้หนูแฮมสเตอร์ ของเพื่อนๆ นั้นมีอายุที่ยืนยาวอยูกับเพื่อนๆตลอดไป

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

#ดูอย่างไรว่าหนูแฮมสเตอร์แก่แล้ว

- ถ้าหนูแก่ ขนก็จะร่วง และก็เดินน้อย จนคุณจะรู้ได้เลยว่า กรงของเขาสะอาดมากและก็ กินน้อย หลังโก่ง

ไม่ค่อยทำความสะอาดตัว นอนทั้งวัน จำนวนลูกที่ออกมาน้อย


- เค้าจะนอนมากขึ้น ไม่ค่อย active เหมือนเมื่อก่อน เริ่มมีอาการขนร่วงสูง น้ำหนักลด

ซึ่งน้องแฮมเพศเมียที่อายุเกิน 1 ปี ไม่เหมาะที่จะนำมาผสมอีก


- อาการหนูแก่คือ เค้าจะเริ่มกินอาหารน้อยลง ไม่ค่อยออกมาวิ่งเล่นออกกำลังกาย

เหมือนเมื่อตอนยังรุ่นๆ ไม่คึกเหมือนตอนยังหนุ่มๆ สาวๆ ชอบที่จะนอนซึม อยู่แต่ในบ้าน

น้ำหนักลดลง ไม่เอาใจใส่ตัวเอง สังเกตได้จากขนของเจ้าหนู ก็เริ่มรุงรังยุ่งเหยิงและจะมีโรคเกิดขึ้นได้

เช่น ขนร่วง  เนื้องอก  มะเร็ง  ฟันหัก  ตาขุ่น เป็นต้น


- มีอาการ ขนร่วง น้ำหนักลด ผิวหนังแห้ง และ เคลื่อนไหว ช้าลง ซึ่งมันบ่งบอกว่า แฮมสเตอร์ ของเราเริ่มแก่แล้ว


- สิ่งที่บอกข้างต้นนั้น ไม่สามารถระบุได้ ถ้าเกิดมีการซื้อขายเราสามารถดูหนูได้ไม่นาน

ดูพฤติกรรมไม่ได้ ให้ดูที่หู ww ถ้าแก่ตัวหูจะยิ่งยาวมากขึ้น แต่ถ้าเป็น cb จะสังเกตุได้ยากเพราะ cb จะหูยาวและหูตั้ง



วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

# สังเกตุอย่างไรว่าแฮมสเตอร์ป่วย

แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยป่วย อาการที่บงบอกว่าแฮมสเตอร์ป่วย ได้แก่ 


  • นอนมากเกินปกติ ยกเว้นในแฮมสเตอรที่แก่แล้ว
  • ไม่ค่อยทำความสะอาดตัวเอง ตัวค่อนข้างสกปรก ขนค่อนข้างยุ่ง
  • ซึมเศร้า
  • หงุดหงิดง่าย และมักหางเปียก 
  • ท้องเสีย
  • ขนร่วงมีน้ำมูกน้ำตาไหล หรือเกาบ่อยเกินไป
  • เดินกระเผลก
  • มีบาดแผล
  • ตาเจ็บ มีขี้ตา ลืมตาไม่ขึ้น
  • ผอมหายใจลำบาก

# โรคที่มักเกิด กับหนูแฮมสเตอร์

  • ขนร่วง 

การที่หนูแฮมสเตอร์ขนร่วงก็อาจจะมีสาเหตุมาจาก กรงไม่สะอาด อากาศร้อน อับชื้น หรือเกิอจากมีอายุมาก 
หรือเครียดมากๆ .วิธีดูแลเบื้องต้น.ใช้เยนเซี่ยนไวโอเล็ต (ที่ทาปากเด็ก สีม่วงๆ ขวดละ 8 บาท) ทาทุกเช้าเย็น อาการจะดีขึ้น
ทาบิเวณรอบๆแผลที่มีขนด้วยกันลาม การที่หนูขนร่วงไม่เป็นเรื่องร้ายแรงแต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษา อาจจะลามได้



  • โรคหางเปียก 

เกิดจากอาหารเป็นพิษ บวกด้วยอากาศร้อน และความไม่สะอาด หรือเกิดการเครียดมากๆ เช่น เปลี่ยน
ที่อยู่ใหม่ อาการของโรค จะเริ่มต้นที่ท้องเสียก่อน และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรคหางเปียก ลักษณอาการนั้นจะทำให้หนูขาดน้ำ
กนอาหารไม่ได้ และก็เสียชีวิตในที่สุด 




  • โรคท้องเสีย 

อาการของโรคท้องเสียก็เหมือนหรือคล้ายๆกับโรคหางเปียก 



  • โรคเนื้องอก 

เป็นอีกโรคหนึ่งถ้าไม่พาไปหาหมอแล้วอาจจะถึงกับตายได้ โรคนี้มักเกิดกับหนูที่มีอายุมาก หรือมีลูกบ่อย
หลายคอกติดๆ กัน อาการของโรคนี้จะเป็นก้อนเนื้อแข็งๆ เป็นก้อนกลมๆ อยู่ที่ใต้ท้อง / โคนขา หรือตรงนม ก้อนเนื้อที่โผล่ออกมา
สามารถเห็นได้ชัดเจน




  • ขี้เรื้อน 

โรคนี้คล้ายๆกับเป็นรังแค เหมือนกับหนังที่แห้งและลอกออกเป้นแผ่นๆ เกิดจากอากาศร้อน ขี้เลื่อยไม่สะอาด
หรือสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ โรคนี้มักจะเกิดกับหนูที่อายุน้อยๆ ประมาณ2 อาทิตย์กว่าๆ -1 เดือน

# ของเล่นหนูแฮมสเตอร์


ของเล่นหนูแฮมสเตอร์มีอะไรบ้าง จากหัวข้อที่มีคนถามมากัน ผม ก็เลยขอจัดทำหน้านี้มาอธิบายกันหน่อย หนูแฮมสเตอร์มี ของเล่นมากมาย แทบจะบรรยายไม่ถูก แต่ ละชนิดจะมีหลากหลายรูปแบบมาก เลยครับ ถ้าเพื่อนๆ อยากสร้างกรงหนูแฮมสเตอร์ ให้มีของเล่น เยอะๆก็ควร นึกถึงเนื้อที่ในกรง กันหน่อยนะครับ
เพราะว่า กรงบางประเภท อาจจะวางได้แค่นิดเดียว หรือไม่ กรง บางประเภท เมื่อใส่ของเล่นลงไปแล้ว หนู นั้นสามารถปีนออกมานอกกรงได้ อันนี้ก็ ต้องระวัง กันหน่อยนะครับ

# หนูแฮมสเตอร์พร้อมผสมพันธุ์เมื่อ


หนูแฮมสเตอร์พร้อมที่จะผสมพันธุ์กันเมื่อไร เพื่อนๆบางคนอาจจะอยากรู้นะครับ เพราะว่าต้องการที่จะเห็น ลูกเล็กๆ แดงๆ และ อยากที่จะเห็น ว่าเขาเลี้ยงลูก เขาอย่างไรเมื่อไรโต และ หน้าตาจะเป็นอย่าไรบ้าง
คำถามในหัวข้อนี่ก็ มีมาบ่อยเหมือนกันครับ ผมก็เลย ขอยกมาเขียนหัวข้อนี้ขึ้นมาครับ
หนูแฮมสเตอร์จะพร้อมผสมพันธุ์ เมื่อ เขาอายุได้ประมาณ 2 เดือนครึ่ง - 3 เดือนครับ ฟังดูเร็วๆ นะครับ เมื่อ เราเลี้ยงเขาแล้ว ก็อาจจะได้เห็นลูกเขา แน่ๆครับ ไม่ต้องห่วง นอกจาก ตัวทีเราซื้อมานั้น จะไม่ใช่ตัวผู้กับตัวเมีย
แฮมสเตอร์ สามารถท้องซ้อนได้หากไม่แยกตัวผู้ออกจากตัวเมียหลังจากมันออกลูก เพราะเมื่อตัวเมียออกลูกแล้ว ตัวผู้ก็ยังจะผสมพันธุ์อีก ทำให้ตัวเมียท้องซ้อนขณะที่ลูกที่เพิ่งออก ก็ยังไม่หย่านม เพราะฉะนั้นต้องแยกตัวผู้ออก และไม่ควรให้ตัวเมียท้องติดกันเพราะจะทำให้ร่างกายโทรมจนไม่สามารถมีลูกอีกได้ และกลายเป็นหนูพิการที่ขาใช้การไม่ได้อีกด้วย

# เลือกซื้อ-หนูแฮมสเตอร์


การเลือกซื้อนะครับ ก่อนจะซื้อยากให้เพื่อนๆพร้อมที่จะดูแลเจ้าตัวเล็กนี้ก่อน เพื่อที่เวลาซื้อมาแล้วจะได้ไม่เป็นภาระ ครับ เพราะสิ่งที่คุณจะซื้อนั่นมัน คือชีวิต หนึ่งเลยนะครับ

เราจะดูหนูแฮมไงว่าแข็งแรงเวลาเลือกซื้อ เราก็จะดูที่แววตาของหนูครับว่าสดใสหรือป่าว สภาพหนูครบถ้วน ไม่มีรอยถูกกัด หรือเลือดออกและก็ต้อง ดูตรง ก้น ด้วยครับว่า ท้องเสีย หรือเป็นโรคหรือป่าวครับ ขนร่วงหรือเปล่า จะลองจับหนูดูนะครับ ว่าจะมี

ขนติดมากับมือเราใหม ถ้ามีก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ขนอาจจะร่วงครับ และอีกอย่าง ก็ต้องดูว่าหนูไม่ผอมครับ ดูอีกอย่างนะครับ ก็คือ ขนต้องไม่เหม็นนะครับอายุประมาณ 3 อาทิตย์ หรือ1เดือน ครับ

หนูที่เราซื้อมาอาจจะเป็นพี่นองกันได้ะครับ ถ้าสีและลวดลายคล้ายๆกันนะครับแพราะผมก็เป็นคนเลี้ยงหนูขายอยู่ เวลาเอาไปขายเขาก็จะจับมารวมกันใช่ไหมครับ แล้วคราวนี้ก็อยูที่คนซื้อแล้วละครับ ว่าจะเลือกตัวใหนถ้าคุณเห็นอีกตัวสวย
และอีกตัวก็สวยเหมือนกัน นั่นละคับสองตัวนั้นอาจจะเป็นคลอกเดียวกันก็ได้ครับ คราวนี้ละ พี่กับน้องก็ผสมกัน ส่วนลูกออกมาก็แล้วแต่จะคิดครับการหลีกเลี้ยงนั้นทำได้ยากครับ เพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าตัวไหน เป็นพี่น้องกันและเจ้าของร้าน ก็รับมาอีกทีก็ไม่รู้อีก ว่าตัวไหนเป็นตัวไหน

# หนูแฮมสเตอร์สามารถกินอะไรได้บ้าง


คำถามสำหรับผู้ที่เริ่มเลี้ยง หรือ ผู้ที่คิดจะเลี้ยงเจ้าหนูแฮมสเตอร์ ให้หัวข้อนี้เรามาทำความเข้าใจกับ อาหารของหนูแฮมสเตอร์ และ ของกินต่างๆ ที่หนูสามารถกินได้ และ สิ่งใดที่ไม่ควรให้กินกันครับ
หนูแฮมสเตอร์นั้นสามารถกินอาหาร หรือของกินได้หลากหลายชนิดครับ อาจจะพูดได้ว่าทุกชนิดเลยก็ว่าได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นพวกพักชนิดต่างๆ ผลไม้ชนิดต่างๆและ ธัญพืช ที่หลากหลายครับ ก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับหนูบ้านทั่วๆไปที่สามารถกิน แทบจะทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่สำหรับหนูแฮมสเตอร์แล้ว ภูมิต้านทานไม่เท่ากับหนูบ้านทั่วๆไปครับ ดังนั้นในการเลี้ยงดูหนูแฮมสเตอร์ อาหารนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากอีกอย่างหนึ่งในการ เลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ ที่ผู้เลี้ยงควรจำให้ในสิ่งที่ถูก เขากินไม่ใช่ว่าควรให้กิน ของกินบางอย่างที่หนูแฮมสเตอร์นั้นทาน หรือ ชอบกิน ไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่ควรให้กินนะครับ เราต้องดูถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ในการให้อาหารแต่ละชนิดด้วยครับ สิ่งที่ผู้เลี้ยงให้เป็นประจำและก็เกิดปัญหาบ่อยๆสำหรับหนูแฮมสเตอร์มีมากครับ ตัวอย่างเช่น

1. ขนมห่อ & ขนมทั่วๆไป สำหรับผู้เลี้ยงบางท่านแล้วกินขนมและก็ นำขนมนั้นๆให้หนูแฮมสเตอร์กิน ซึ่งผลที่ตามมานั้นอาจจะทำให้หนูแฮมสเตอร์นั้นท้องเสีย ได้ครับ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า อาหารจำพวกนี้มีสารปรุงแต่งรสชาติ สี สารกันบูด และสารอื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบ ต่อหนูแฮมสเตอร์ ไม่มากก็น้อย ซึ่ง สารบางตัวจะเข้าไปสะสมอยู่ในตัวหนูแฮมสเตอร์ แต่สำหรับบางตัวที่ร่างกายทนไม่ใหวก็อาจจะ เป็นโรคท้องเสีย บางตัวอาการหนักจนอาจจะเสียชีวิตได้ครับ

2. ผัก & ผลไม้ ค้างเก็บ สำหรับผลไม้ หรือผักบางอย่าง ผู้ให้นั้นสามารถให้ได้ครับแต่ สำหรับผักบางชนิดที่หนูแฮมสเตอร์กินแล้วไม่หมดผู้เลี้ยงควรที่จะ เก็บออกทิ้งครับ และไม่ควรให้อาหารจำพวกผัก หรือผลไม้ บ่อยๆครับ เพราะว่าอาจจะทำให้หนูนั้นท้องเสียได้ครับ ซึ่งถ้าให้แนะนำแล้ว ผักที่ให้กินได้บ่อยๆ สำหรับผมก็จะเป็น บวบเหลี่ยม แครอท ครับ เนื่องจาก 2 ชนิดนี้ถ้าหนูแฮมสเตอร์นั้นกินไม่หมด ก็จะแห้งไปเองครับ และก่อนที่จะให้อาหารจำพวกนี้ควรที่จะล้างให้สะอาดก่อนครับ

# ลักษณะทั่วไป ของหนูแฮมสเตอร์


ลักษณะทั่วๆไปของแฮมสเตอร์ ขนาดตัวจะมีขนาดเล็ก อ้วนป้อม และมีหางสั้นกว่าลำตัว และมีขนาดเล็ก อย่างเห็นได้ชัด ส่วนสีขนของแฮมสเตอร์จะมีสีหลายสี อาทิเช่น ดำ, เทา, ขาว, น้ำตาล, เหลืองเข้ม, เหลือง และแดง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์แต่ละสายพันธุ์ ส่วนสีขนด้านใต้ท้องจะเป็นสีขาว มีตาดวงกลมโต และจมูกที่ไวต่อการได้กลิ่น
แฮมสเตอร์จัดอยู่ในประเภทสัตว์มีแกนสันหลัง ไฟลัมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม

# ความรู้เกี่ยวกับแฮมสเตอร์

แฮมสเตอร์นอนกลางวัน ตื่นกลางคืน

     เพราะตามธรรมชาติแล้วเค้าจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ ในเขตทะเลทรายค่ะ กลางวันอากาศในทะเลทรายจะสูงมาก เค้าจะหลบนอนเพื่อเก็บแรงไว้ พอตอนกลางคืน เมื่ออุณหภูมิต่ำลง เค้าจะออกมาหาอาหาร โดยจะตุนอาหารไว้กินตอนกลางคืน เพราะเหตุนี้ แฮมสเตอร์จึงต้องมีกระพุ้งแก้มเป็นแบบพิเศษที่สามารถใช้กักตุนอาหาร และนอนตอนกลางวัน

     เวลาเราพยายามปลุกเค้าขึ้นมาเล่นด้วย เค้าอาจจะขู่ค่ะ เพราะเวลาเรานอนถ้าใครมารบกวนบางทีเรายังหงุดหงิดเลยใช่ไหมคะ เค้าก็เหมือนกัน แต่พอตกเย็นนะ เค้าจะร่าเริงซุกซนผิดกับตอนกลางวันเลย แฮมสเตอร์จึงเหมาะกับคนที่ต้องออกไปทำงาน ออกไปเรียน และนอนค่อนข้างดึก ( ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีเวลาว่างอยู่กับบ้านทั้งวัน เข้านอนแต่หัวค่ำ และอยากหาเพื่อนเล่นตอนกลางวันค่ะ เพราะเวลาเราตื่นเค้าจะนอน แต่เวลาเรานอนเค้าจะตื่น )


แฮมสเตอร์ตัวเล็กและต้องการที่แค่นิดเดียวครับ

 แฮมสเตอร์หรือเจ้าตัวน้อยๆจอมซุกซน เค้าตัวเล็กนิดเดียวเองค่ะ ไม่ต้องใช้ที่มากๆในการเลี้ยง แต่ต้องการการดูแลมากเหมือนกันค่ะ ควรจะเลือกสถานที่ตั้งกรงที่เงียบๆ ไม่มีเสียงดัง และควรจะเลือกที่ๆ ห่างจากที่นอนมากพอสมควรค่ะ เพราะตอนกลางคืนซึ่งเรากำลังนอน เค้าจะอยู่ไม่สุข วิ่งไปมา กัดแทะโน่นนี่ไปเรื่อย วิ่งหมุนบนกรงล้อด้วย บางทีก็จะมีเสียงกรงล้อกระทบกรงบ้าง รวมทั้งอาจจะมีเสียงเค้าทะเลาะกันให้รำคาญเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่ค่อยเหมาะเท่าจะเลี้ยงไว้ข้างเตียงนอนค่ะ อาจจะไว้ที่ระเบียงที่มีกันสาดกันแดดกันฝน กันลมโกรกก็ได้ค่ะ ถ้าจะให้ดีก็ควรจะเลือกตั้งกรงไว้ในที่แสงไม่เปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป


แฮมสเตอร์ราคาถูกมาก หาซื้อได้โดยไม่ยากเลย

     แฮมสเตอร์ธรรมดา ราคาตัวละไม่ถึง 100 บาท ส่วนแฮมสเตอร์แคระจะมีราคาตั้งแต่ 150 บาทขึ้นไปจนถึง 350 บาท แล้วแต่สีและพันธุ์ค่ะ ดังนั้นเราจึงสามารถจะหาซื้อมาได้โดยไม่โหดร้ายกับกระเป๋าตังก์เรานัก แต่สิ่งที่แพงไม่ใช่ตัวแฮมสเตอร์ค่ะ แต่เป็นอุปกรณ์เสริมทั้งหลาย ตั้งแต่ กรง ขวดน้ำ กรงล้อหมุนสำหรับออกกำลังกาย และของเล่นต่างๆ

   ส่วนอาหารนั้น แฮมสเตอร์กินอาหารไม่จุค่ะ อาหาร 1 กิโลกรัมกินได้เป็นเดือนๆ แถมอาหารก็ยังหาง่ายหลากหลายไม่เรื่องมาก
 แฮมสเตอร์กัดนิ้วเลือดไหลได้เหมือนกันนะ
       แฮมสเตอร์สามารถจะกัดเราให้เลือดออกได้เหมือนกันค่ะ แต่อย่าเพิ่งตกใจค่ะ เค้าไม่กัดคนไปทั่วหรอกค่ะ ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีนิสัยแตกต่างกันออกไป บางตัวอาจจะดุเหมือนกัน บางตัวอาจจะไม่กัดใครเลยก็มีค่ะ โดยเฉพาะตัวที่เชื่องกับเรา เพราะหนูแฮมสเตอร์บางตัวได้รับการดูแล หรือการจับอย่างไม่ถูกต้องจากร้านขายสัตว์เลี้ยง จึงทำให้มีนิสัยก้าวร้าว ซึ่งเวลาที่เราไปเลือกซื้อหนูแฮมสเตอร์ให้ลองเอานิ้วแหย่ลงไปค่ะ เค้ามักจะวิ่งมาหามือเราเพราะคิดว่ามีอาหาร บางตัวก็จะไต่ขึ้นมา ให้เราดูว่าตัวที่วิ่งมาหา บางตัวจะกัด บางตัวจะขออาหารเฉยๆ ถ้าตัวไหนจะกัดมือก็อย่าซื้อตัวนั้น ให้เลือกตัวที่ไม่กัดค่ะ
 แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ชอบกัดแทะ
       แฮมสเตอร์จะฟันยาวออกมาเรื่อยๆ เค้าจึงมักจะแทะโน่นแทะนี่เพื่อลับฟันเสมอ ดังนั้นการเลี้ยงจึงต้องคอยระวังสายไฟ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆด้วยค่ะ นอกจากนี้เค้ายังชอบคุ้ยเขี่ยอีกด้วย บางทีก็จะเตะเอาวัสดุปูพื้นเช่นขี้เลื่อยออกมานอกกรง ทำให้เราเลยพลอยต้องเก็บกวาด รอบๆกรงเค้าด้วยเหมือนกันค่ะ


  •  แฮมสเตอร์จ้าวแห่งการหลบหนี

       แฮมสเตอร์จะชอบสำรวจ และพยายามหลบหนีทุกครั้งที่มีโอกาสค่ะ และเนื่องจากเค้าตัวเล็ก เวลาหลบหนีออกไปแล้ว เราจะหาเค้าได้ยากมาก ดังนั้นต้องหมั่นตรวจทุกครั้งว่ากรงปิดสนิทหรือไม่ มีช่องให้เค้าหลบหนีหรือเปล่า


  •  แฮมสเตอร์ตัวเล็ก ไม่สามารถจะกอดเล่นได้ 

      สอนให้เรียนรู้อะไรๆได้ยาก ไม่สามารถจะกอดเล่นได้ เพราะ  เค้าตัวเล็ก และอยู่ไม่สุข ซุกซน และเวลาเรียกชื่อเค้าจะไม่วิ่งเข้ามาหาค่ะ


  •  แฮมสเตอร์อายุขัยสั้นค่ะ 

      เค้ามีอายุไขสั้น อยู่ได้มากสุดประมาณ 3 ปี ซึ่งก็ต้องทำใจไว้ค่ะ หากเพื่อนๆเกิดรักและผูกพันธ์กับเค้า ก็ต้องเผื่อใจไว้ค่ะ ว่าเราจะรับได้ไหมกับชีวิตน้อยๆที่เข้ามาให้ความสุขกับเราและอยู่กับเราได้ เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ


  •  แฮมสเตอร์ไม่มีกลิ่นแรงมาก 

      เพราะเค้าจะหมั่นทำความสะอาดตัวเองอยู่เสมอ จึงไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้เค้าบ่อย แต่เราก็ควรจะหมั่นเปลี่ยนวัสดุปูพื้นกรงด้วยค่ะ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง


  •  แฮมสเตอร์สามารถจะอยู่เองได้ ถ้าเราต้องไปไหนมาไหนบ่อยๆ เช่นวันหยุด

      หากเราทิ้งอาหารและน้ำให้เค้าไว้ได้พอเพียง เราสามารถจะทิ้งเค้าไว้ตามลำพัง 1-2 วันได้อย่างสบายๆ แต่ทางที่ดีควรหาแฮมสเตอร์อีกตัวมาอยู่เป็นเพื่อนเค้าก็จะดีค่ะ เค้าจะได้ไม่เหงา

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

# วิธีการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์

วิธีการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์อาหารหลักที่ควรให้แฮมสเตอร์ คือ ธัญพืชโดยจะโปรยอาหารลงบนพื้นก็ได้เพราะแฮมสเตอร์ไม่มีนิสัยชอบก้มกิน มันจะชอบหยิบอหารออกมากินนอกภาชนะมากกว่า โดยใช้เท้าหน้าจับอาหารกิน แต่การใช้ภาชนะมีข้อดี คือจะทำให้เราได้รู้ว่ามันเอาอาหารออกไปกิน มากน้อยแค่ไหน ถ้ามันป่วยเราก็รู้ได้ นอกจากนี้ การใส่ภาชนะยังทำให้อาหารและขี้เลื่อยไม่ปะปนกันทำให้การเปลื่ยนขี้เลื่อยทำได้ง่ายโ
ยไม่ต้องทิ้งอาหารที่ปนกับขี้เลื่อย 
สิ่งที่ควรทราบในการให้อาหารแฮมสเตอร์

1. อย่าให้ผักสด หรือผลไม้สดบ่อยๆหรือมากเกินไป การให้ผักสดควรให้แค่สัปดาห์ละครั้งเพราะอาจจะทำให้แฮมสเตอร์ท้องอืด หรือท้องเสียได้และหากมันกินไม่หมดควรจะเก็บทิ้งทันที

2. พยายามอย่าเปลื่ยนอาหารแบบทันทีทันใด ควรจะค่อยๆ เปลื่ยนอาหารโดยเอาอาหารเก่า ผสมกับอาหารใหม่ และเพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทนที่อาหารเก่าในที่สุด อย่าเปลื่ยนแบบฉับพลัน 

3. อาหารที่ควรหลีกเลื่ยงช็อคโกแลต โดยเฉพาะ Dark Chocolate เพราะมีสาร Theobromine ซึ่งเป็นพิษต่อแฮมสเตอร์ได้

4. หลีกเลื่ยงผักผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวๆ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด เป็นต้น

5. เราอาจจะเสริมโปรตีนให้กับแฮมสเตอร์ได้ โดยการให้อาหารเม็ดของแมวหรืออาหารสุนัขที่เป็น บิสกิต ใส่ลงไปได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งช่วยเสริมโปรตีนและยังช่วยลับฟันแฮมสเตอร์ไม่ให้ยาวเกินไปอีกด้วย

6. อาหารที่ไม่ปลอดภัยสำหรับแฮมสเตอร์ ได้แก่ หัวหอม มันฝรั่งดิบ กระเทียม น้ำอัดลม ลูกกวาด เป็นต้น

7. หลีกเลี่ยงอาหารที่แหลมคม หรือ เหนียวหนืด

8. ขนมหรืออาหารหวานๆเพราะแฮมสเตอร์แคระมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้ 

9. หลีกเลี่ยง อาหารเม็ดของกระต่าย เพราะบางชนิดใส่สารอาหารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้น การเจริญเติบโตในกระต่าย แต่เป็นอันตรายต่อแฮมสเตอร์

10. หลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเพรา

อาหารเสริมอื่นๆ

ไข่

หนูแฮมสเตอร์ชอบกินไข่ต้มที่ต้มสุก และไข่ต้มยังมีโปรตีนสูงอีกด้วยโดยเฉพาะในแม่แฮมสเตอร์ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ไม่ใช่ว่าให้ตลอด นานๆ ให้ทีถ้ากินไม่หมดต้องเก็บออกให้หมด

น้ำมันตับปลา

น้ำมันตับปลาจะอุดมไปด้วยวิตามิน A และ D ใช้โดยการหยดเพียงไม่กี่หยดลงบนเมล็ดพืชก็ได้สามารถให้ได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง อาจจะให้อาหารเม็ด สำหรับสุนัขที่มีส่วนผสมของน้ำมันตับปลาก็ได้

เนื้อ

เรื่องการให้เนื้อเป็นอาหารแก่แฮมสเตอร์นั้น เป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงทั้งหลายต่อต้านกันมานาน เพราะเชื่อว่า อาหารประเภทเนื้อจะกระตุ้น ให้แฮมสเตอร์ดุร้าย แต่ก็มีรายงานจากผู้เลี้ยงหลายๆ คนซึ่งให้เนื้อเป็นอาหารเป็นประจำว่าไม่มีการก้าวร้าวผิดปรกติแต่อย่างใด โกยอาจจะให้เป็น เนื้อวัวชิ้นเล็กๆ หรืออาจจะให้อาหารสุนัขที่บรรจุกระป๋องก็ได้

นม

อาจจะให้ได้บ้าง โดยเฉพาะแม่หนูที่กำลังท้อง หรือ อาจจะให้เป็นนมอัดเม็ดก็ได้

อาหารนกผสม

สามารถจะให้อาหารเม็ด เช่น เมล็ดพืชสำหรับนกก็ได้โดยให้สัปดาห์ละครั้ง

การผสมพันธ์
แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่มีอายุขัยสั้น มันจึงต้องแพร่พันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ อย่าผสมข้ามพันธุ์แฮมสเตอร์หากท่านยังไม่พร้อม สำหรับชีวิตน้อน ๆ อีกหลาย ๆ ชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมา ท่านมีกรงให้พร้อมหรือไม่ท่านมีเวลาเพียงพอสำหรับมันหรือไม่

โปรดศึกษาแฮมสเตอร์ให้เข้าใจก่อนผสมพันธุ์ เพื่ิอให้ลูกที่เกิดออกมาแข็งแรงและไม่มีข้อบกพร่องทางพันธุ์กรรม

SYRAIN

Syrain เป็นแฮมสเตอร์ที่รักสันโดษ หากเราปล่อยให้ Syrainหลาย ๆ ตัวอยู่ด้วยกันมันมักจะกัดกัน ดังนั้นการจับคู่ Syrain เพื่อการผสมพันธุ์นั้น เราจำเป็นต้องระวังมาก ๆ

Syrain เพศเมีจะเป็นฮีทในทุกๆ 4 วัน ในการผสมพันธุ์ต้องเตรียมรังไว้ให้ก่อนโดยการใส่วัสดุปูพื้นใหม่ลงไป และหลังจากนั้นใส่วัสดุตัวผู้ลงไปก่อนและปล่อยให้ตัวผู้เดินไปมาและสร้างกลิ่นก่อนสั
พักหลังจากนั้นจึงค่อยใส่ตัวเมียลงไป หากตัวเมียต่อต้าน ไม่ยอมรับการผสมพันธุ์โดยการจู่โจมหรือการเข้าทำร้ายตัวผู้ ให้รีบแยกตัวตัวเมียออกก่อนที่จะมีตัวใดได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้หากแฮมสเตอร์ตัวเมียไม่ได้เป็นฮีท มันก็อาจจะไม่ยอมรับการผสมจากตัวผู้และอาจจะทำร้ายตัวผู้ได้

หลังจากนั้นอีก 2-3 วันให้ทดลองใหม่อีกครั้ง หากแฮมสเตอร์ตัวเมียเมื่อปล่อยลงไปแล้วยืนอยู่นิ่ง ๆ และเหยียดขาตรง ยกหางชี้ขึ้นแสดงว่าตัวเมียยอมรับการผสมพันธุ์ หลังจากนั้นปล่อยให้แฮมสเตอร์ผสมพันธุ์กันประมาณ 20 นาทีและแยกแฮมสเตอร์ออกจากกัน เพราะหากปล่อยตัวผู้ไว้กับตัวเมียนานเกินไป ตัวเมียอาจจะตัดสินใจกำจัด หรือทำร้ายตัวผู้ได้ หลังจากนั้น 16-18 วันหากผสมติด เราจะได้ลูกแฮมสเตอร์สีชมพูอยู่ในกรง 

การเลือกซื้อหนู

ควรเลือกซื้อแฮมสเตอร์ในช่วงเวลาเย็น ๆ เพราะแฮมสเตอร์จะนอนในเวลากลางวันจะงัวเงีย ทำให้ดูยาก เวลาป่วยหรือไม แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาตอนเย็น มันจะคึกคักทำให้ดราเลือกได้ง่ายกว่า และเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้นระหว่างตัวที่ซึม เพราะป่วยและตัวที่ไม่ป่วย

เลี้ยงหลายตัวได้หรือไม่ 

อาจจะเลี้ยงแฮมสเตอร์มากกว่า 1 ตัวในกรงเดียวกันได้ แต่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของแฮมสเตอร์ด้วยถ้าเป็นแฮสเตอร์แคระแล้วหล่ะก็ มันเป็นสัตว์สังคมพอสมควรสามารถจะเลี้ยงด้วยกันได้หากเลี้ยงไว้ด้วยกันตั้งแต่เล็ก มักไม่ค่อยมีปัญหาทะเลาะกันแต่ไม่ควรเลี้ยงแฮมสเตอร์ต่างสายพันธุ์ไว้ด้วยกัน เพราะนิสัยจะแตต่างกันจะทำให้มัเครียดและอาจจะกัดกันจนตายได้ หรือเกิดปัญหาจาการผสมข้ามพันธุ์

อย่าใส่ถุงกระดาษกลับบ้าน ถ้าต้องการเดินทางนาน ๆ 

เวลาที่เราซื้อแล้ว ร้านขายสัตว์เลี้ยงอาจะเอาแฮมสเตอร์ใส่กล่องหรือถุงกระดาษนำกลับบ้่าน แต่ถ้าเราต้องใช้เวลาเดินทางนานแฮมสเตอร์อาจจะแทะทะลุถุงกระดาษออกมาและหลบหนีได้ เราจะขอให้ผู้ขายเปลื่ยนจากถุงกระดาษมาใส่ภาชนะพลาสติกแทน

ควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่สุขภาพดี 

แฮมสเตอร์ควรจะสะอาด ขนสะอาด ไม่มีอุจจาระเปื้อนหรือเหม็นผิดปรกติ และไม่ผอมผิดปรกติไม่ซึมไม่มีบาทแผลทั้งตัวและนิ้วเท้าหูต้องสะอาดท้งด้านในและด้านน
ก ตาต้องสดใสและสะอาด

ควรจะเลือกแฮมสเตอร์ที่อายุระหว่าง 4-7 สัปดาห์ 

เพราะเชื่องง่ายถ้าเราเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ๆ เพศไหนก็ได้ นิสัยไม่แตกต่างกันมาก